งานสัมมนาครั้งที่ 5
เรื่อง Virtual Private Network (VPN)
Virtual Private Network (VPN) คือ เครือข่ายเสมือนตัวที่ทำงาน โดยใช้โครงสร้างของ เครือข่ายสาธารณะ หรืออาจจะวิ่งบนเครือข่ายไอพีก็ได้
VPN เป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อเครือข่าย WAN ที่กำลังเป็นที่สนใจและเริ่มนำไปใช้ในหมู่หน่วยงานที่มีหลายสาขาหรือมีสำนักงานกระจัดกระจาย
PN : Private Network คือ เครือข่ายภายในของแต่ละบริษัท เกิดจากการที่บริษัทต้องการเชื่อมเครือข่ายของแต่ละสาขาเข้าด้วยกัน
Remote access VPN การทำงานแบบ Remote access คือ ที่สำนักงานจะต้องมีการติดต่ออินเตอร์เนตตลอดเวลาและลงโปรแกรม VPN Server/Gateway ไว้เพื่อรับการติดต่อ
ข้อดีของ Remote access VPN ได้แก่
1. ลดต้นทุนการจัดพวกอุปกรณ์ Modem หรือ อุปกรณ์ Server ปลายทาง
2. สามารถ เพิ่มจำนวนได้มาก และ เพิ่ม Users ใหม่ ได้ง่าย
3. ลดค่าใช้จ่ายจากการศึกษาทางไกล
Remote access VPN เรียกได้อีกอย่างว่า VPDN (Virtual Private Dail-up Network ) เป็นการติดต่อภายในเครือข่ายเดียวกัน สามารถทำการเชื่อมต่อระหว่าง Users ที่ไม่ได้อยู่องกรค์หรือบริษัท เข้ากับ Server โดยผ่านทาง ISP
LAN - to - LAN connectivity
VPN ทำงานอย่างไร การที่เราใช้งานเครือข่าย Private network นั้นทำให้มีความปลอดภัยเนื่องจากโอกาสที่ข้อมูลจะตก อยู่ในมือผู้ไม่พึงประสงค์นั้นมีน้อย รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อยังมีความสามารถในการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูล ในขณะที่การใช้งานอินเตอร์เนตนั้นปกติจะไม่มีการเข้ารหัส ข้อมูลที่ส่งกันก็ไม่ได้ส่งตรงไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทาง แต่ต้องผ่านเราเตอร์และเกตเวย์ต่าง ๆ ตั้งมากมายกว่าที่ข้อมูลจะถูกส่งไปปลายทาง ซึ่งถ้าเราจะใช้อินเตอร์เนตในการ ส่งข้อมูลทางธุรกิจภายในบริาทจะเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงจึงได้มีการพัฒนาเทคนิคขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัย ดังกล่าว เรียก Tunnel
Tunnel คือการที่ VPN client จะติดต่อกับ VPN Server โดยพยายามใช้เส้นทางประจำ (ปกติแล้ว ตามหลักการ การเชื่อมของ Internet นั้นจะไม่มีการกำหนดเส้นทางการเชื่อมต่อ เส้นทางการเชื่อมต่อจะเปลี่ยนไปตามสภาพการจราจร โดยเราเตอร์จะเลือกเส้นทางที่เหมาะสมในการส่งข้อมูล)
VPN Protocol โปรโตคอลที่ใช้ได้แก่
Point - to - Point Tunneling Protocol (PPTP) : เป็นเสปกที่พัฒนาขึ้นโดยไมโครซอฟท์ โดยเป็นโปรโตคอลที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์
Layer Two Tunneling Protocol (L2TP) : พัฒนาขึ้นโดย CISCO ผู้ผลิตอุปกรณ์เนตเวอร์รายใหญ่
Internet Protocol Security (IPsec) เป็นกลุ่มของโปรโตคอลหลายโปรโตคอล
IPsec สามารถใช้เป็น VPN protocol เองได้ หรือสามารถทำงานเป็นส่วนหนึ่งของโปรโตคอลอื่น เช่น PPTPL2TP ในเรื่อง IPsec การเข้ารหัสข้อมูล
ข้ อ ดี ข อ ง V P N
1. ลดค่าใช้จ่ายจากการศึกษาของ IDC พบว่า VPN สามารถลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อแบบ WAN ได้ราว 40 %
2. ความยืดหยุ่นสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีการทำ Remote Access ให้ผู้ใช้ติดต่อเข้ามาใช้งานเครือข่าย จากนอกสถานที่
ข้ อ เ สี ย ข อ ง V P N1. VPN ทำงานอยู่บน Internet ซึ่งความเร็ว และการเข้าถึง และคุณภาพ (speed and access) เป็นเรื่องเหนือ
การควบคุมของผู้ดูแลเครือข่าย
2. VPN technologies ต่างกันตามผู้ขายแต่ละรายยังไม่มีมาตรฐานที่ใช้ร่วมกันอย่างแพร่หลายมากนัก
3. ต้องมีการพัฒนาเพื่อรองรับโปรโตคอลอื่นนอกจากโปรโตคอลที่อยู่บนพื้นฐานของ IP
วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
3เดือน ซีเกทขายดิสก์ไดร์ฟ 50 ล้านตัว

ซีเกทประกาศรายรับประจำไตรมาส 2 ปีการเงิน 2008 (ตุลาคมถึงธันวาคม 2007) เติบโตร้อยละ 14 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน กำไรสุทธิประจำไตรมาสเติบโตร้อยละ 188 ยอดจัดส่งดิสก์ไดร์ฟจำนวน 50 ล้านตัว สูงกว่าไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อนร้อยละ 20
บริษัทซีเกท เทคโนโลยี รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2007 ด้วยยอดรายรับ 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรสุทธิที่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชี 403 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรต่อหุ้น 73 เซ็นต์
สรุปรวมช่วงหกเดือนปลายปี 2007 ซีเกทมียอดรายรับ 6,700 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรสุทธิ 758 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรต่อหุ้น 1.37 เหรียญสหรัฐ หากไม่รวมค่าใช้จ่ายจากการควบรวมบริษัท ซีเกทจะมีกำไรสุทธิ 804 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรต่อหุ้นที่ยังไม่ได้รับรับรองทางด้านบัญชี 1.45 เหรียญสหรัฐ
“ผลประกอบการทางการเงินที่ดีของซีเกทในไตรมาสนี้สะท้อนให้เห็นรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทและการขยายจำนวนผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดี ในสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมที่ดีบ่งบอกได้จากความแข็งแกร่งทั่วทุกตลาดบันทึกข้อมูลในช่วงเวลานี้และการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุปทานทั่วโลก” นายบิล วัทกินส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของซีเกท (Bill Watkins, Seagate chief executive officer) กล่าว
สำหรับไตรมาสนี้ (สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2008) ซีเกทคาดว่าจะมีรายรับ 3,200-3,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรต่อหุ้นที่ได้รับการรับรองทางด้านบัญชี ประมาณ 57 – 61 เซ็นต์ หากไม่รวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการตัดค่าเสื่อมสิ้นของสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน ซึ่งบริษัทได้ซื้อมาและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับการควบกิจการเมตาลิงค์ จำนวน 27 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทคาดว่าจะมีกำไรต่อหุ้นที่ยังไม่ได้รับรองทางบัญชีสำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนมีนาคมประมาณ 62 – 66 เซ็นต์
การคาดการณ์นี้คิดเป็นสัดส่วนรายรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และกำไรต่อหุ้นร้อยละ 36 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน
Company Related Links :
Seagate
ข่าวจาก : ผู้จัดการออนไลน์
วันที่ : 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 14:25 น.
วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
งานสัมมนาครั้งที่ 4
งานสัมมนาครั้งที่ 4
เรื่อง Wireless network
วันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2551
บรรยายหัวข้อ “Wireless network” โดย คุณจีระศักดิ์ กาตือ ตำแหน่ง กรรมการบริษัท KM Network ได้กล่าวถึงหัวข้อต่างๆ โดยสรุปดังนี้
• Wireless คือ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการส่ง ภาพ เสียง และข้อมูล จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยไม่ใช้สายไฟ แต่ใช้คลื่นวิทยุหรือาจใช้คลื่น Infrared เป็นตัวกลางในการสื่อสาร
• Network คือระบบเครือข่ายที่มีระยะทางการติดต่อสื่อสารใกล้ๆ เช่นภายที่ทำงาน การเชื่อมต่อระหว่างห้องทำงาน ระหว่างชั้น หรือ ระหว่างตึก
• Wireless network คือ ระบบเครือข่ายอย่างหนึ่ง ซึ่งมีการทำงานโดยการส่งสัญญาณไร้สาย ที่ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าหากันและสามารถส่งผ่านข้อมูลเข้าหากันได้โดยที่ไม่ต้องสาย ทำให้เกิดความรวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้น
• ระบบ Wireless LAN หรือ Wi-Fi ย่อมาจากคำว่า Wireless Fidelity โดยที่ในปัจจุบันมีอยู่ 3 มาตรฐานคือ 802.11a , 802.11b และ 802.11g
• ผลิตภัณฑ์เครือข่ายไร้สาย
1. Access Point เป็นอุปกรณ์ รับ-ส่งสัญญาณในเครือข่าย ทำหน้าที่เหมือน switch
2. PC Card (PCMCIA) เป็นอุปกรณ์รับส่งสัญญาณที่ใช้ติดตั้งกับ Notebook เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อรับสัญญาณ จาก Access Point หรืออุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ
3. PCI Card ใช้ติดตั้ง ลงบน PCI- Slot บนเครื่อง PC ลักษณะเดียวกับ NIC-Card (LAN Card) แต่ส่งสัญญาณผ่านเสาอากาศที่ติดตั้งมาด้วยแทนการส่งสัญญาณผ่านสายทองแดง
4. USB ใช้ติดตั้งกับพอร์ต USB ทำงานในลักษณะเดียวกับ NIC-Card (LAN Card) แต่ส่งสัญญาณผ่านเสาอากาศที่ติดตั้งมาด้วยแทนการส่งสัญญาณผ่านสายทองแดง
• รูปแบบการติดตั้ง/ออกแบบเครือข่ายไร้สาย
เครือข่ายไร้สายแบ่งการทำงานออกเป็นสองลักษณะ คือ
1. AD-Hoe Mode (also known as “peer-to-pees” mode) คือการทำงานที่ปราศจาก Access Point โดยที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกตัวติดตั้งอุปกรณ์ PC Card (PCMCIA) แล้วส่งสัญญาณหากัน ในลักษณะเดียวกับเครือข่ายสายทองแดง แบบ peer-to-peer
2. Infrastructure Mode เป็นการทำงาน มีการติดตั้ง Access Point การทำงานในลักษณะนี้เป็นที่นิยมแพร่หลายเนื่องจากสามารถใช้งานร่วมกับ ระบบสายทองแดงและสามารถดัดแปลงใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้
• รูปแบบการใช้งาน
1. Access Point Mode คือการใช้งานโดยมี Access Point เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายไร้สาย กับเครือข่ายสายทองแดง มีลักษณะการทำงานที่ใช้กันมากที่สุด
2. Wireless Bridge Point-to-Point เป็นการทำงานในลักษณะที่ มีการติดตั้ง Access Point เข้าไปในระบบเครือข่ายสายทองแดงเพื่อกระจายสัญญาณไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ไร้สายอยู่
3. Wireless Bridge Point-to-Multipoint ทำงานในลักษณะเดียวกับ Point-to-Point คือเชื่อมต่อเครือข่ายสายทองแดงเข้าด้วยกัน แต่มีการทำงานร่วมกันมากกว่าสองเครือข่าย
4. Repeater Mode เป็นการเพิ่ม Access Point เข้าไปเพื่อทวนสัญญาณ ให้ได้ระยะทางการส่งข้อมลที่ไกลกว่าเดิม
5. Wireless LAN Client เป็นการส่งสัญญาณจากเครือข่ายโดย Wireless Access Point ไปยัง Access Point เพื่อที่สามารถเชื่อมต่อขยายจำนวนผู้ใช้ในอนาคต
• ระยะทางเชื่อมต่อสำหรับเครือข่ายไร้สาย ระยะทางในการรับส่งสัญญาณ
ระยะทางในการรับส่งสัญญาณ
ภายในอาคาร :
50 เมตร ได้ถึง 11 Mbps
80 เมตร ได้ถึง 5.5 Mbps
120 เมตร ได้ถึง 2 Mbps
ภายนอกอาคาร :
50 เมตร ได้ถึง 1 Mbps ภายนอกอาคาร :
250 เมตร ได้ถึง 11 Mbps
350 เมตร ได้ถึง 5.5 Mbps
400 เมตรได้ถึง 2 Mbps
500 เมตร ได้ถึง 1 Mbps
• Wire maxx เป็นระบบไร้สายที่อาจนำมาใช้ในอนาคตและอาจนำมาใช้แทน Wireless LAN เพราะมีความเร็วในการรับส่งสัญญาณที่เร็วกว่า
ในการสัมมนาครั้งนี้ทำให้มีความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับการติดต่อกันในระบบไร้สาย และสามารถนำมาใช้ในชีวิตในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
เรื่อง Wireless network
วันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2551
บรรยายหัวข้อ “Wireless network” โดย คุณจีระศักดิ์ กาตือ ตำแหน่ง กรรมการบริษัท KM Network ได้กล่าวถึงหัวข้อต่างๆ โดยสรุปดังนี้
• Wireless คือ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการส่ง ภาพ เสียง และข้อมูล จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยไม่ใช้สายไฟ แต่ใช้คลื่นวิทยุหรือาจใช้คลื่น Infrared เป็นตัวกลางในการสื่อสาร
• Network คือระบบเครือข่ายที่มีระยะทางการติดต่อสื่อสารใกล้ๆ เช่นภายที่ทำงาน การเชื่อมต่อระหว่างห้องทำงาน ระหว่างชั้น หรือ ระหว่างตึก
• Wireless network คือ ระบบเครือข่ายอย่างหนึ่ง ซึ่งมีการทำงานโดยการส่งสัญญาณไร้สาย ที่ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าหากันและสามารถส่งผ่านข้อมูลเข้าหากันได้โดยที่ไม่ต้องสาย ทำให้เกิดความรวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้น
• ระบบ Wireless LAN หรือ Wi-Fi ย่อมาจากคำว่า Wireless Fidelity โดยที่ในปัจจุบันมีอยู่ 3 มาตรฐานคือ 802.11a , 802.11b และ 802.11g
• ผลิตภัณฑ์เครือข่ายไร้สาย
1. Access Point เป็นอุปกรณ์ รับ-ส่งสัญญาณในเครือข่าย ทำหน้าที่เหมือน switch
2. PC Card (PCMCIA) เป็นอุปกรณ์รับส่งสัญญาณที่ใช้ติดตั้งกับ Notebook เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อรับสัญญาณ จาก Access Point หรืออุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ
3. PCI Card ใช้ติดตั้ง ลงบน PCI- Slot บนเครื่อง PC ลักษณะเดียวกับ NIC-Card (LAN Card) แต่ส่งสัญญาณผ่านเสาอากาศที่ติดตั้งมาด้วยแทนการส่งสัญญาณผ่านสายทองแดง
4. USB ใช้ติดตั้งกับพอร์ต USB ทำงานในลักษณะเดียวกับ NIC-Card (LAN Card) แต่ส่งสัญญาณผ่านเสาอากาศที่ติดตั้งมาด้วยแทนการส่งสัญญาณผ่านสายทองแดง
• รูปแบบการติดตั้ง/ออกแบบเครือข่ายไร้สาย
เครือข่ายไร้สายแบ่งการทำงานออกเป็นสองลักษณะ คือ
1. AD-Hoe Mode (also known as “peer-to-pees” mode) คือการทำงานที่ปราศจาก Access Point โดยที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกตัวติดตั้งอุปกรณ์ PC Card (PCMCIA) แล้วส่งสัญญาณหากัน ในลักษณะเดียวกับเครือข่ายสายทองแดง แบบ peer-to-peer
2. Infrastructure Mode เป็นการทำงาน มีการติดตั้ง Access Point การทำงานในลักษณะนี้เป็นที่นิยมแพร่หลายเนื่องจากสามารถใช้งานร่วมกับ ระบบสายทองแดงและสามารถดัดแปลงใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้
• รูปแบบการใช้งาน
1. Access Point Mode คือการใช้งานโดยมี Access Point เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายไร้สาย กับเครือข่ายสายทองแดง มีลักษณะการทำงานที่ใช้กันมากที่สุด
2. Wireless Bridge Point-to-Point เป็นการทำงานในลักษณะที่ มีการติดตั้ง Access Point เข้าไปในระบบเครือข่ายสายทองแดงเพื่อกระจายสัญญาณไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ไร้สายอยู่
3. Wireless Bridge Point-to-Multipoint ทำงานในลักษณะเดียวกับ Point-to-Point คือเชื่อมต่อเครือข่ายสายทองแดงเข้าด้วยกัน แต่มีการทำงานร่วมกันมากกว่าสองเครือข่าย
4. Repeater Mode เป็นการเพิ่ม Access Point เข้าไปเพื่อทวนสัญญาณ ให้ได้ระยะทางการส่งข้อมลที่ไกลกว่าเดิม
5. Wireless LAN Client เป็นการส่งสัญญาณจากเครือข่ายโดย Wireless Access Point ไปยัง Access Point เพื่อที่สามารถเชื่อมต่อขยายจำนวนผู้ใช้ในอนาคต
• ระยะทางเชื่อมต่อสำหรับเครือข่ายไร้สาย ระยะทางในการรับส่งสัญญาณ
ระยะทางในการรับส่งสัญญาณ
ภายในอาคาร :
50 เมตร ได้ถึง 11 Mbps
80 เมตร ได้ถึง 5.5 Mbps
120 เมตร ได้ถึง 2 Mbps
ภายนอกอาคาร :
50 เมตร ได้ถึง 1 Mbps ภายนอกอาคาร :
250 เมตร ได้ถึง 11 Mbps
350 เมตร ได้ถึง 5.5 Mbps
400 เมตรได้ถึง 2 Mbps
500 เมตร ได้ถึง 1 Mbps
• Wire maxx เป็นระบบไร้สายที่อาจนำมาใช้ในอนาคตและอาจนำมาใช้แทน Wireless LAN เพราะมีความเร็วในการรับส่งสัญญาณที่เร็วกว่า
ในการสัมมนาครั้งนี้ทำให้มีความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับการติดต่อกันในระบบไร้สาย และสามารถนำมาใช้ในชีวิตในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
งานสัมมนาครั้งที่ 3
งานสัมมนาครั้งที่ 3
ภัยคุกคามทางอินเตอร์เน็ต
วันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2551
บรรยายหัวข้อ “ภัยคุกคามทางอินเตอร์เน็ต” โดย คุณสัชฌุเศรษฐ์ เรืองเดชสุวรรณ และ คุณทศพล
วสุธาร จาก Microsoft Market Development Partnet Co.,Ltd
ได้กล่าวถึงหัวข้อต่างๆ ดังนี้
• ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต ได้แก่
ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลอันก่อให้เกิดประโยชน์ได้แก่
- ด้านการสื่อสาร คือ เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากฝ่ายกนึ่งถึงอีกฝ่ายหนึ่ง การส่งไปรษณีอิเล็กทรอนิกส์ หรือ การพุดคุยสื่อสารกัน ได้แก่ MSN ,QQ เป็นต้น
- เป็นการสื่อสารพื้นที่จำลอง (Cyberspace) ไม่มีข้อจำกัดทางศาสนา เชื้อชาติ ระบบการปกครอง และกฎหมาย
- มีการเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ได้แก่ Video Converrent เป็นต้น
- สามารถค้นหาข้อมูลในด้านต่างๆ ได้ผ่านทาง World Wind Web ได้แก่ www.google.co.th, www.yahoo.com เป็นต้น
- การบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การสั่งซื้อสินค้าหรือ การโมษณาสินค้าต่างๆ
- การบันเทิงด้านการบันเทิงต่างๆ เช่นการดูภาพยนตร์ใหม่ๆ การฟังเพลง การเล่นเกมส์ออนไลน์ ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
• โทษของอินเตอร์เน็ต ได้แก่
- โทษของอินเตอร์เน็ต มีหลากหลายลักษณะ ทั้งที่เป็นแหล่งข้อมูลที่เสียหาย , ข้อมูลที่ดี ไม่ถูกต้อง , แหล่งประกาศซื้อขายของที่ผิดกฎหมาย , ขายบริการทางเพศ , ที่รวมและกระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ต่างๆ
- อินเตอร์เป็นระบบอิสระ ไม่มีเจ้าของ ทำให้การควบคุมกระทำได้ยาก
- มีข้อมูลที่มีผลเสียเผยแผ่อยู่ปริมาณมาก
- ไม่มีระบบจัดการข้อมูลที่ดี เสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่นเพลง หนัง เป็นต้น
- การเติบโตที่รวดเร็วของอินเตอร์เน็ต
- เสี่ยงต่อการโดนจารกรรมข้อมูล หารโจมตีจากไวรัส , แฮกเกอร์ , และจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ มัลแวต์
- ข้อมูลบางอย่างอาจไม่จริง ต้องดูและตรวจสอบให้ดีเสียก่อน อาจถูกหลอกลวง โจมตี โฆษณาชวนเชื่อ การกลั่นแล้งจากเพื่อนใหม่การตัดต่อรูปเพื่อการอนาจาร เป็นต้น
จากการบรรยายของการสัมมนา ครั้งนี้ช่วยให้ทราบถึงประโยชน์ และโทษจากภัยคุกคามทางระบบอินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น ทำให้รู้แนวทางปฏิบัติตนต่อระบบเครืออินเตอร์เน็ต
ภัยคุกคามทางอินเตอร์เน็ต
วันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2551
บรรยายหัวข้อ “ภัยคุกคามทางอินเตอร์เน็ต” โดย คุณสัชฌุเศรษฐ์ เรืองเดชสุวรรณ และ คุณทศพล
วสุธาร จาก Microsoft Market Development Partnet Co.,Ltd
ได้กล่าวถึงหัวข้อต่างๆ ดังนี้
• ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต ได้แก่
ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลอันก่อให้เกิดประโยชน์ได้แก่
- ด้านการสื่อสาร คือ เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากฝ่ายกนึ่งถึงอีกฝ่ายหนึ่ง การส่งไปรษณีอิเล็กทรอนิกส์ หรือ การพุดคุยสื่อสารกัน ได้แก่ MSN ,QQ เป็นต้น
- เป็นการสื่อสารพื้นที่จำลอง (Cyberspace) ไม่มีข้อจำกัดทางศาสนา เชื้อชาติ ระบบการปกครอง และกฎหมาย
- มีการเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ได้แก่ Video Converrent เป็นต้น
- สามารถค้นหาข้อมูลในด้านต่างๆ ได้ผ่านทาง World Wind Web ได้แก่ www.google.co.th, www.yahoo.com เป็นต้น
- การบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การสั่งซื้อสินค้าหรือ การโมษณาสินค้าต่างๆ
- การบันเทิงด้านการบันเทิงต่างๆ เช่นการดูภาพยนตร์ใหม่ๆ การฟังเพลง การเล่นเกมส์ออนไลน์ ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
• โทษของอินเตอร์เน็ต ได้แก่
- โทษของอินเตอร์เน็ต มีหลากหลายลักษณะ ทั้งที่เป็นแหล่งข้อมูลที่เสียหาย , ข้อมูลที่ดี ไม่ถูกต้อง , แหล่งประกาศซื้อขายของที่ผิดกฎหมาย , ขายบริการทางเพศ , ที่รวมและกระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ต่างๆ
- อินเตอร์เป็นระบบอิสระ ไม่มีเจ้าของ ทำให้การควบคุมกระทำได้ยาก
- มีข้อมูลที่มีผลเสียเผยแผ่อยู่ปริมาณมาก
- ไม่มีระบบจัดการข้อมูลที่ดี เสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่นเพลง หนัง เป็นต้น
- การเติบโตที่รวดเร็วของอินเตอร์เน็ต
- เสี่ยงต่อการโดนจารกรรมข้อมูล หารโจมตีจากไวรัส , แฮกเกอร์ , และจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ มัลแวต์
- ข้อมูลบางอย่างอาจไม่จริง ต้องดูและตรวจสอบให้ดีเสียก่อน อาจถูกหลอกลวง โจมตี โฆษณาชวนเชื่อ การกลั่นแล้งจากเพื่อนใหม่การตัดต่อรูปเพื่อการอนาจาร เป็นต้น
จากการบรรยายของการสัมมนา ครั้งนี้ช่วยให้ทราบถึงประโยชน์ และโทษจากภัยคุกคามทางระบบอินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น ทำให้รู้แนวทางปฏิบัติตนต่อระบบเครืออินเตอร์เน็ต
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)